ทบทวนฝันในฝัน วันที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ.2554
Case Study กรณีศึกษากฎแห่งกรรม
Case Study กรณีศึกษากฎแห่งกรรม
มหาเสนาบดี ผู้ยิ่งใหญ่ ตอนที่ 7
เรียบเรียงจากรายการโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยา
เรียบเรียงจากรายการโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยา
ฝันในฝัน
หลับตาฝันเป็นตุเป็นตะ ตื่นขึ้นมาหาว 1 ที
แล้วก็นำมาเล่าให้ฟังเป็นนิยายปรัมปรากันนะจ๊ะ
หลับตาฝันเป็นตุเป็นตะ ตื่นขึ้นมาหาว 1 ที
แล้วก็นำมาเล่าให้ฟังเป็นนิยายปรัมปรากันนะจ๊ะ
ท่านมหาเสนาบดีและกลุ่มเพื่อนๆ ของท่านเดินทางไปยังสถานที่แห่งหนึ่ง
ด้วยความรู้สึกตื่นเต้น ลุ้นระทึก และเกิดอาการอยากรู้อยากเห็นไปทุกย่างก้าว
หลังจากที่ท่านมหาเสนาบดีและกลุ่มเพื่อนๆ ขมังเวทย์ฝึกภาคสนามกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว ทุกคนก็ไม่รอช้า รีบมุ่งหน้าเดินทางไปหาน้าของเพื่อนในกลุ่ม ซึ่งเป็นคนที่รู้เรื่องเกี่ยวกับวิชาขมังเวทย์ในทันที และเมื่อทั้งหมดได้พบกันแล้ว น้าของเพื่อน ก็ได้พาท่านมหาเสนาบดีและกลุ่มเพื่อนๆ ของท่านเดินทางไปยังสถานที่แห่งหนึ่ง ซึ่งจะทำให้ทุกๆ คนได้พบประสบเจอกับสิ่งลี้ลับเหนือธรรมชาติที่ทุกๆ คนกำลังตามหา ซึ่งในระหว่างที่น้าของเพื่อนในกลุ่มกำลังพาทุกคน เดินทางไปยังสถานที่แห่งนั้น สมาชิกทุกคนในกลุ่ม ขมังเวทย์ ต่างก็มีความรู้สึกตื่นเต้น ลุ้นระทึก และเกิดอาการอยากรู้อยากเห็นไปทุกย่างก้าวเลยทีเดียว
เมื่อเดินทางมาถึงจุดหมายปลายทางแล้วทุกคนก็พบว่า
สถานที่แห่งนั้นที่แท้แล้วก็คือ บ้านของผู้ใหญ่บ้านของหมู่บ้านแห่งหนึ่งนั่นเอง
และเมื่อท่านมหาเสนาบดีและกลุ่มเพื่อนๆ ขมังเวทย์ เดินทางมาถึงจุดหมายปลายทางแล้ว ทุกคนก็พบว่า สถานที่แห่งนั้นที่แท้แล้วก็คือ บ้านของผู้ใหญ่บ้านของหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ซึ่งถ้าดูจากลักษณะภายนอกแล้ว ผู้ใหญ่บ้านท่านนี้ก็ไม่ได้ดูแตกต่างอะไรกับชาวบ้านธรรมดาๆ คนนึง แต่ในความธรรมดาที่เราเห็นจากรูปลักษณ์ภายนอกนั้น กลับแฝงไปด้วยความไม่ธรรมดาอยู่ภายใน ที่พูดแบบนี้ก็เป็นเพราะผู้ใหญ่บ้านท่านนี้ คือ อาจารย์ขมังเวทย์ ที่เป็นทั้งหมอยาและมีวิชาอยู่ยงคงกระพันนั่นเอง
ภายในบ้านของผู้ใหญ่บ้านท่านนี้จะมีพวกชาวบ้านมารอรักษาอาการป่วยไข้กันอยู่หลายคน
แม้ ณ เวลานั้น ภายในบ้านของผู้ใหญ่บ้านท่านนี้จะมีพวกชาวบ้านมารอรักษาอาการป่วยไข้กันอยู่หลายคนก็ตาม แต่พอท่านมหาเสนาบดีและกลุ่มเพื่อนๆ ขมังเวทย์ไปถึง พวกท่านก็ไม่รอช้า รีบก้าวเข้าไปเผชิญหน้า แล้วก็สบตากับอาจารย์ขมังเวทย์ พร้อมกับแสดงความตั้งใจและความปรารถนาอยากที่จะรู้ว่าวิชาอยู่ยงคงกระพันและวิชาหนังเหนียวที่เค้าล่ำลือกันมันจะเป็นอย่างไร แล้วมันจะทำให้หนังเหนียวจริงอย่างที่เขาล่ำลือกันมั้ย
อาจารย์ขมังเวทย์ให้กลุ่มทหารหนุ่มฉกรรจ์ไปทำบางสิ่ง บางอย่างมาเป็นข้อแลกเปลี่ยนกัน
ทันทีที่อาจารย์ขมังเวทย์เห็นสีหน้า ท่าทาง และแววตาของกลุ่มทหารหนุ่มฉกรรจ์ที่เต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น อีกทั้งยังจ้องมองตนเองด้วยสายตาที่เป็นประกายวิบวับๆ ถึงขนาดนั้น อาจารย์ขมังเวทย์ก็พลันเกิดนึกสนุกขึ้นมาในทันทีว่าแล้วอาจารย์ขมังเวทย์ก็รีบพูดสวนไปทำนองว่า “ ถ้าพวกเจ้าอยากจะเห็นวิชาอยู่ยงคงกระพันล่ะก็ พวกเจ้าจะต้องไปทำบางสิ่ง บางอย่างมาเป็นข้อแลกเปลี่ยนกันก่อน ”
ข้อต่อรองที่ว่านั้นก็คือให้ไปเก็บสมุนไพรตามที่บอกมาให้ได้แล้วกลับมาเจอกันที่นี่อีกครั้ง
ซึ่งข้อต่อรองที่ว่านั้น ก็คือให้ท่านมหาเสนาบดีและกลุ่มเพื่อนทหารหนุ่มฉกรรจ์ไปเก็บสมุนไพรตามที่บอกมาให้ได้ ซึ่งถ้าได้จนครบแล้วก็ให้รีบจรลีแล้ว กลับมาเจอกันที่นี่อีกครั้ง ซึ่งทันทีที่ท่านมหาเสนาบดีและเพื่อนๆ ของท่านได้ฟังดังนั้น ทุกคนก็ รีบเดินทางออกไปหาสมุนไพร หรือว่านประหลาดๆ ตามรายการที่อาจารย์ขมังเวทย์ได้บอกเอาไว้นั่นเอง
จากนั้นอาจารย์ขมังเวทย์ก็ไม่รอช้าเอาว่านหรือสมุนไพรที่หามาได้ เคี้ยวเข้าไปในปากสักครู่ก็พ่นพรวด
ใส่กระหม่อมและบริเวณลำตัวของท่านมหาเสนาบดีและกลุ่มเพื่อน
และเมื่อท่านมหาเสนาบดีและเพื่อนๆ ของท่านหาว่าน หรือสมุนไพรตามที่อาจารย์ขมังเวทย์ได้บอกไว้จนครบแล้ว ท่านมหาเสนาบดีและเพื่อนๆ ของท่านก็รีบนำสมุนไพรทั้งหมดกลับมาให้อาจารย์ขมังเวทย์ ตามที่ได้นัดหมายกันเอาไว้ จากนั้นอาจารย์ขมังเวทย์ก็ไม่รอช้า รีบปฏิบัติการณ์ในทันที โดยการหลับตาร่ายเวทย์พึมพำๆ แล้วก็เอาว่านประหลาดๆ หรือสมุนไพรที่หามาได้ เคี้ยวเข้าไปในปาก และพอเคี้ยวไปได้สักครู่ก็พ่นพรวด ใส่กระหม่อมและบริเวณลำตัวของท่านมหาเสนาบดีและกลุ่มเพื่อนทหารหนุ่มฉกรรจ์เหล่านั้นในทันที
ทุกคนต่างจับจ้องดูลีลาการร่ายเวทย์เสกคาถาของอาจารย์ขมังเวทย์อย่างตาไม่กะพริบ
แม้ว่าท่านมหาเสนาบดีและเพื่อนๆ ของท่านจะโดนละอองไอฝอยจากน้ำมนต์ว่านประหลาดที่พ่นพรวดออกมาจากปากมากมายขนาดไหนก็ตามแต่ทุกคนก็ไม่ได้แสดงอาการรังเกียจแต่อย่างใด ตรงกันข้าม ทุกคนกลับยิ่งสนใจจับจ้องดูลีลาการร่ายเวทย์เสกคาถาของอาจารย์ขมังเวทย์อย่างตาไม่กะพริบ และเกิดอาการอยากรู้อยากเห็นมากยิ่งขึ้นไปกว่าเดิมว่า อาจารย์ขมังเวทย์จะทำอะไรต่อไป
อาจารย์ขมังเวทย์ก็ได้เอาสมุนไพรอีกสามสี่อย่างเข้าปากเคี้ยวต่อไปอีก
แล้วก็พ่นพรวดมาที่ศีรษะอย่างนี้ซ้ำๆ จนกระทั่งสมุนไพรหมดเกลี้ยง
และในระหว่างที่กำลังร่ายมนต์ อาจารย์ขมังเวทย์ก็ได้เอาสมุนไพรหรือว่านประหลาด อีกสามสี่อย่างเข้าปากเคี้ยวต่อไปอีก ซึ่งพอเคี้ยวแล้วก็ยังทำแบบเดิม คือไม่ยอมกลืน แต่กลับก็พ่นพรวดมาที่ศีรษะหรือกระหม่อมของท่านมหาเสนาบดีและเพื่อนๆ ของท่านอีก ซึ่งอาจารย์ขมังเวทย์ก็ได้ทำอย่างนี้ซ้ำๆ จนกระทั่งสมุนไพรหรือว่านประหลาดที่เก็บมา หมดเกลี้ยงไม่เหลือหลอเลยแม้แต่ใบเดียว
หลังจากที่สมุนไพรหมดลงอาจารย์ขมังเวทย์ก็ได้บอกว่า
ถ้าอยากรู้ว่าวิชาคงกระพันเป็นอย่างไรก็ให้เอามีดมาลองฟันกันดู
ซึ่งหลังจากที่สมุนไพรหรือว่านประหลาดๆเหล่านั้นหมดลง อาจารย์ขมังเวทย์ก็ได้บอกกับท่านมหาเสนาบดีและกลุ่มเพื่อนทหารของท่านในทำนองที่ว่า ถ้าอยากรู้ว่าวิชาคงกระพันเป็นอย่างไร ก็ให้เอามีดหรือดาบมาลองฟันกันดู เมื่อท่านมหาเสนาบดีได้ยินเช่นนั้นก็ไม่รอช้า รีบลองวิชาด้วยการชักดาบออกมา เพื่อจะลองฟันตัวเองดูก่อน แต่เมื่อเห็นคมดาบแล้ว ตัวท่านมหาเสนาบดีเองก็ชักไม่แน่ใจ เพราะในตอนนั้นท่านยังไม่ปักใจเชื่อ 100 เปอร์เซ็นต์ ว่ามนต์ที่อาจารย์ขมังเวทย์ร่ายมา จะทำให้หนังของท่านเหนียวจนฟันไม่เข้า ด้วยเหตุนี้เอง ท่านก็เลยต้องพิสูจน์แบบกันเหนียว เพราะถ้าหากไม่เหนียวจริง ท่านก็จะได้ไม่เจ็บหนัก ดังนั้น ท่านมหาเสนาบดีจึงได้เอาดาบของท่านฟันลงไปที่ตัวของท่านเองแต่เป็นแบบเบาๆ
ดาบไม่อาจที่จะทำให้ผิวหนังของท่านมหาเสนาบดีเกิดอาการระคายหรือเกิดบาดแผลแม้แต่นิดเดียว
และทันใดนั้นเอง ก็มีเรื่องที่ทำให้ทุกคนเกิดอาการตะลึงและอัศจรรย์ใจ เพราะไม่ว่าดาบอันคมกริบจะฟันผ่านไปที่ผิวหนังของท่านมหาเสนาบดีสักกี่ครั้งก็ตาม แต่ดาบนั้นก็ไม่อาจที่จะทำให้ผิวหนังของท่านมหาเสนาบดีเกิดอาการระคายหรือเกิดบาดแผลแม้แต่นิดเดียว ซึ่งภาพที่ทุกๆ คนได้เห็นกันแบบจะๆ นี้ ได้สร้างความตื่นตะลึงให้กับท่านมหาเสนาบดีและกลุ่มเพื่อนทหารที่มาด้วยกันเป็นอย่างมากถึงมากที่สุด
เมื่อเพื่อนทหารเห็นว่ามนต์ของอาจารย์ขมังเวทย์ได้ผลจริง เพื่อนๆ ต่างรีบลงมือทดสอบความเหนียวของผิวหนัง
ด้วยการผลัดกันฟันด้วยมีดดาบ สลับกันไปสลับกันมา
และเมื่อเพื่อนทหารของท่านมหาเสนาบดีเห็นว่ามนต์ของอาจารย์ขมังเวทย์ได้ผลจริง เพื่อนๆ ทุกคนจึงไม่รอช้าต่างรีบลงมือทดสอบความเหนียวของผิวหนังตามท่านมหาเสนาบดีในทันที ด้วยการผลัดกันฟันด้วยมีดดาบ สลับกันไปสลับกันมา แต่ไม่ว่าแต่ละคนจะฟันกันอย่างไร ผลสรุปที่ออกมาก็คือไม่เข้า เหมือนกับท่านมหาเสนาบดีนั่นเอง
อุปนิสัยของท่านมหาเสนาบดีเป็นคนพิสูจน์อะไรแล้ว ต้องทำแบบชัดๆ
ด้วยเหตุนี้เองท่านจึงเงื้อดาบขึ้นมาแล้วก็ฟันตัวเองอย่างสุดแรงเกิด
แต่เนื่องจากอุปนิสัยของท่านมหาเสนาบดี เป็นคนที่ชอบพิสูจน์อะไรแล้ว ต้องทำแบบชัดๆ อีกทั้งเพื่อเป็นการยืนยันความเหนียวของผิวหนังว่า เหนียวขนานแท้แบบชัดๆ หรือไม่ ด้วยเหตุนี้เองท่านมหาเสนาบดีจึงขอปฏิบัติการท้าพิสูจน์เรียกความชัวร์อย่างเป็นทางการอีกครั้ง โดยการเงื้อดาบขึ้นมาแล้วก็ฟันตัวเองอย่างสุดแรงเกิดแบบไม่ยั้งอีกทีซึ่งก็ปรากฏว่า ........
ส่วนว่าจะฟันเข้าหรือไม่ และจะมีผลกระทบอะไรตามมา เราก็คงจะต้องมาติดตามกันต่อใน ตอนมหาเสนาบดี ผู้ยิ่งใหญ่ ตอนที่ 8 กัน
บทความที่เกี่ยวข้องกับชีวิตก็เป็นอย่างนี้ “ยุ่นสมาน...หวานเสมอ" ที่ผ่านมา
บุคคลที่ปรากฏในเรื่องราวต่อไปนี้ มีตัวตนจริงในปัจจุบัน ประสบชะตากรรมขึ้นลงตามกระแสของวัฏฏะและกฎแห่งกรรม (ชมตัวอย่างบทสัมภาษณ์จากรายการชีวิตในสังสารวัฏ) ผู้อ่าน-ผู้ชมก็อย่าเพิ่งเชื่อหรือปฏิเสธในทันที ควรศึกษาหลักธรรมในพระพุทธศาสนา แล้วค่อยนำไปเป็นอุทธาหรณ์ในการดำเนินชีวิตต่อไป
"วิชชาธรรมกาย" เป็นความรู้ดั้งเดิมในพระพุทธศาสนา เมื่อปฏิบัติแล้วสามารถไปรู้ไปเห็นเรื่องราวกฎแห่งกรรม การเวียนว่ายในภพภูมิต่างๆ ตรงตามพระธรรมคำสอนในพระไตรปิฎก วิชชาธรรมกายจึงเป็นหลักฐานยืนยันการตรัสรู้ธรรมของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งทันสมัยตลอดกาล (อกาลิโก)